STORY OF MY LIFE #1 Welcome To My Very First Blog Post!


คำเตือน: ดราม่านะจ๊ะ
          โอหล่า~ สวัสดีย์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านบล็อกนี้กันนะคะ มาแนะนำตัวกันก่อนเน้อ จะเห็นได้ว่านามปากกาที่เขียนไว้ด้านบนจะมีชื่อว่าม้าขาว ดังนั้นจะขอแทนตัวเองด้วยคำว่า 'ม้า' แล้วกันนะคะ ใบ้ไว้ก่อนว่าชื่อเล่นจริงๆของม้าเป็นชื่อขนมไทย แต่เรียกว่า 'ม้าขาว' หรือ 'ม้า' อย่างเดียวก็ได้นะ ม้าเกิด ค.ศ. 1998 อาจจะเด็กกว่าหรือโตกว่าท่านที่มาอ่าน อย่างไรก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
          นี่เป็นการเขียนบล็อกครั้งแรกของม้าเองค่ะ ที่เรียกว่า 'ครั้งแรก' นี่ไม่ใช่ว่าม้าไม่เคยเขียนอะไรมาก่อนหรอกนะ เมื่อก่อนม้าเคยแต่งนิยายลงเว็บบางเว็บ (ที่ไม่ขอเอ่ยชื่อและไม่ใช่เว็บที่ขึ้นด้วย ด. แน่นอน) มันจะออกเป็นแนวแฟนตาซีๆตามประสาของเด็กที่ชอบอ่านการ์ตูนดูอนิเมะทั่วไป (ถ้าอ่านนิยายจะเป็นพวกวรรณกรรมแปล) ร่างเอาไว้หลายเรื่อง วาดรูปประกอบด้วย สมัยนั้นคงจะดูพอใช้ได้ ไม่ถึงกับสวยเว่อร์วังอะไร แต่ก็พอทำให้เด็กน้อยคนนี้ภาคภูมิใจในฝีมือของตนเองอยู่พอตัว มีการเห็นภาพเวลาฟังเพลงด้วยนะ แบบว่าฟังแล้วจะเกิดไอเดียใหม่ๆอยู่ตลอด ช่วงนั้นอารมณ์ดี เรียกได้ว่าเป็น positive thinker โลกสวย*เสมือนดังอาศัยอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ กินน้ำพุจากตีนม้ายูนิคอร์นเป็นอาหาร มีจินตนาการมากมายอยู่ในหัวและมักจะเล่าเรื่องเหล่านั้นออกมาให้เพื่อนฟังโดยเเทบไม่ต้องเค้นหาคำและเรื่องราวในหัวออกมาเลย มันไหลออกมาเรื่อยๆเหมือนกับเราเปิดจุกคอร์กเเล้วปล่อยให้ไวน์ไหลลงไปในแก้วใสกิ๊งใบงามที่ตั้งอยู่ในตู้เก็บของสะสมสมคร่ำครึของคุณป้าเลยทีเดียวเชียว
*หมายเหตุ: ส่วนตัวชอบความโลกสวยนะเออ มันช่างใสซื่อและน่าอิจฉาเสียจริง
      แต่เชื่อไหมล่ะว่าเด็กคนที่ชอบพูดติดตลกหน้าตายิ้มแย้มร่าเริงคนนี้ จะกลายเป็นนักปั้นหน้าตัวยงในอนาคต?
นั่นเป็นเหตุผลที่ม้าเลือกใช้คำว่า 'เคย' เพื่อบอกเล่าเรื่องนี้

          ณ ปัจจุบัน เด็กน้อย ได้เติบโตขึ้นเป็นวัยรุ่นตอนปลาย คนที่เลิกอ่านการ์ตูนดูอนิเมะ หรืออ่านนิยายเพ้อฝันไปเรื่อย คนที่ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ในหัวนอกจากจินตนาการอันเหี่ยวแห้งในโลกอันไร้สีสันที่ไม่มีแม้แต่เงาของความรู้สึกเพราะมันถูกทุบรวมกันจนปนเปและบิดเบี้ยวราวกับชิ้นงานดินน้ำมันหลังส่งครู สิ่งเดียวที่เหมือนเดิมมีเพียงหน้าตาและร่างกายที่ไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่แม้กาลเวลาจะผันแปรอยู่ตลอดเวลา

          จากเป็นคนที่โคตร optimistic กลายเป็นคนที่ pessimistic อย่างน่าฉงน จะขำก็ขำไม่ออก ปั้นหน้ายิ้ม หลอกคนอื่นว่าตัวเองนั้นสบายดี ทั้งๆที่ในใจนั้นมีแต่ความคิดที่วนเวียนไปมาซ้ำๆไม่เป็นทำอะไร

          ม้าไม่โทษใคร ได้แต่โทษตัวเอง ก่นด่าตัวเอง

          เรามันแย่ เรามันไม่ดี เรามันตัวซวย ทำอะไรก็พัง เรียกร้องความสนใจ


          ในหัวมีแต่คำแบบนี้วนไปไม่มีวันสิ้นสุด ม้าเริ่มนอนไม่หลับ ขอบตาดำขึ้นอย่างน่าตกใจ ไม่ใช่เพราะดูซีรีส์แน่ๆ...


          "I could bleed for a smile, I could cry for some fun."

(SEETHER - Walk Away from The Sun)

           ม้าร้องไห้ เนื้อเพลงท่อนนี้สามารถอธิบายช่วงเวลาเหล่านั้นได้ดีที่สุด ครั้งแรกๆคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ใครๆเขาก็มีเรื่องให้ร้องกันทั้งนั้น พอนานๆไปมันก็บ่อยขึ้น ถี่ขึ้น จนไม่รู้ว่าต้องร้องไปทำไม ทั้งๆที่จิตใจก็จืดชืด ชาไปหมด แต่เวลาที่ม้ามีอะไรที่มันกระทบกระเทือนจิตใจ แค่เพียงเรื่องเล็กน้อยก็ทำให้บ่อน้ำตาแตกได้ทุกครั้ง แม้ในอกจะเป็นโพรงโล่งๆอยู่ก็ดูหนักอึ้งขึ้นมา คุมร่างกายและอารมณ์นี้ไม่ไหว ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า นี่เรารู้สึกเศร้าจริงๆหรือเปล่า? เพราะอะไรเราถึงได้เป็นแบบนี้? ทำไมตัวเองถึงเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้? ม้าตอบตัวเองไม่ได้สักทีว่าจริงๆแล้วตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร กำลังใจที่เคยมีในการวาดและเขียนมันกลับหดหายไปที่ไหนก็ไม่รู้

          ว่างเปล่า

          มันช่างว่างเปล่าเหลือเกิน

          สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงแต่ความว่างเปล่ากับสมองที่สับสน ทำให้หลังจากนั้นม้าก็ไม่มีงานเขียนที่เสร็จเป็นชิ้นเป็นอันอีกเลย หลังจากที่เขียนอะไรไม่ปะติดปะต่อกันพักใหญ่ๆก็ทำให้ม้าเกิดรู้สึกช้ำตรมระบมใจกว่าเดิมจนเลิกเขียนทุกอย่างไปเป็นเวลาหลายปี ตารางเวลาเละเทะ โต๊ะรกกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบเหมือนระบบสมองที่ปนเป จะทำอะไรมันก็รู้สึกแย่ไปเสียหมด สิ่งที่เคยทำแล้วชอบกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายม้าไม่ให้ก้าวต่อ การฟังเพลงไม่ทำได้ให้ม้ารู้สึกดีหรือกระปรี้กระเปร่า การวาดรูปไม่เกิดภาพในหัวเหมือนเคย มีแต่อะไรซ้ำๆไม่แปลกใหม่แถมยังดูเหี่ยวเฉากว่าก่อนที่ผ่านมา สมัยที่ยังวาดการ์ตูนตาหวาน นิยายที่แต่งถูกดองเค็ม หนังสือที่มีไม่ได้ถูกหยิบขึ้นมาอ่านอีก บ่อเกิด passion เหือดแห้ง ยิ่งฝืนทำก็ยิ่งเจ็บปวด  จิตใจเปราะบาง บางทีแค่หันไปมองสิ่งที่เคยทำหรือแม้แต่เปิดโซเชี่ยลขึ้นมาส่องนิดหน่อยก็น้ำตาไหลพราก เห็นแต่ความขัดแย้ง ทางตัน มองอะไรก็เห็นแต่ความล้มเหลว ทุกอย่างดูไร้น้ำหนักไปเสียหมด ไม่เหลือแรงอะไรไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจดวงจ้อยดวงนี้อีกแล้ว

           ม้าจึงตัดสินใจ 'ฝัง' มัน
           แต่รู้อะไรไหมคะ นั่นเป็นวิธีสำหรับคนที่ชอบหนีความจริงอย่างม้า ต่อให้ม้าโยนความว่างเปล่าและความสับสนสาละวนในใจนั้นลงหลุม กลบจนมิด มันก็ยังคลานออกมาจากหลุมและพร้อมตะครุบม้าได้ทุกเวลาเมื่อมีอะไรมาจี้จุด และแม้ว่าม้าจะลองโยนมันลงน้ำไป มันก็ว่ายกลับมาหาม้าได้อยู่ดี

           แสนรู้จริงๆ
          ใครอยากได้ตัวแกไปเป็นเพื่อนไหมล่ะ ฉลาดขนาดนี้

          'ความว่างเปล่า' เป็นบ่อเกิดของความหดหู่ บางวันม้าตื่นมาโดยไม่รู้ว่าตัวเองมีเป้าหมายอะไรให้ทำอีกต่อไป ในเมื่อทุกเรื่องในชีวิตม้าก็ดูไร้คุณค่าเสียแบบนี้ ม้าเองก็เลยได้แต่ร้องไห้ พยายามนอนหลับให้ได้และตื่นสายมากในวันถัดมา นอนซะ จะได้ไม่ต้องคิดมาก จะได้ไม่ต้องสับสน
มันเลวร้าย แต่ไม่เท่าไหร่หรอก

          มีคนเขาเจอเรื่องมากกว่าเราตั้งเยอะ เขายังรับไหวเลย

          นั่นคือสิ่งที่ม้าคิดกับตัวเองในทีแรกอีกเหมือนกัน คิดวนซ้ำๆตอกย้ำว่าตนเองอ่อนแอถึงยอมรับความจริงไม่ได้

          ในที่สุดม้าก็เป็นฝ่ายแพ้

          เบื่อโลก เบื่อทุกอย่าง

          ไม่อยากอยู่แล้ว...


           หยุด!
           หยุดเลยนะ โนมาม่าอราวด์เฮียร์ยูโน้วววว!!! ไอ้ความคิดแบบนี้ ออกไป๊ ออกไปจากหัวฉ๊านนนน

          แต่มันไม่ยอมไปนี่สิ มันดื้อ เออ เอ็งไม่ไป อย่างไรข้าก็จะพยายามหาทางกำจัดเอ็งให้จงได้!

          โอเค...ไม่มาม่านะ อิ่มแล้ว...

           อย่างที่ได้บอกไป โพสต์นี้เป็นการเขียนบล็อกครั้งแรกของม้า ม้าอยากบอกเล่าความเป็นตัวม้าให้ได้มากที่สุด อ่านถึงตรงนี้คงเข้าใจแจ่มแจ้งว่าม้ามีความเป็น Drama Queen อยู่ในระดับหนึ่ง(?) เนื้อความในบล็อกนี้ออกจะดูท้อใจสักเล็กน้อยแต่ปกบล็อกก็บอกว่ามันน่าจะเกี่ยวกับอะไร (มีคำเตือนเรื่องมาม่าแล้วด้วย) ดังนั้นใครอ่านอยู่ก็คงต้องทนกันสักหน่อย (เผื่อมีคนอยากรู้ว่าไอ้บล็อกนี่มีไว้ทำอะไร และโดยส่วนหนึ่งแล้วอยากพิมพ์เก็บไว้อ่านเป็นที่ระทึกให้ตนเองอยู่บ้าง) อย่างที่อยากระบายก็มีอยู่อีกหลายเรื่องที่คงพิมพ์ไม่หมดในคราวเดียว ไว้เดี๋ยวมีอารมณ์เล่าจะมาพิมพ์เพิ่มเป็นโพสต์ใหม่ค่ะ ตอนนี้เริ่มที่เรื่องคร่าวๆก่อน

      ม้าเป็นคนเพื่อนน้อยจนถึงขั้นที่ไม่ค่อยมีใครอยากเข้ามาสุงสิงด้วย อาจเพราะรังสีความหดหู่ที่ม้าปล่อยออกมาทำให้ดูเป็นคนไม่น่าคบ หลายคนที่มองเข้ามาอาจจะมองว่าโดยรวมม้าเป็นคนที่ชอบอะไรมืดหม่น แต่งตัวด้วยสีดำ ชอบอะไรก็ใช้แต่สีดำ ผ้าปูเตียงก็สีดำ รองเท้าก็สีดำ ผิวก็คล้ำ//ผิดดด สีน้ำผึ้งต่างหากย่ะ (ฮา) เวลามีคนคุยด้วยตอนแรกคุยกันสนุกๆม้าวกกลับไปเรื่องไม่เข้าท่าได้หน้าตาเฉย และหลายหนมักจะมีคำพูดห้วนๆที่แม้จะไม่หยาบคายแต่ฟังไม่เข้าหูหลุดออกมาเป็นระยะๆอยู่ตลอด ม้าไม่ใช่คนเฮฮา (มุกไม่ฮาพาเพื่อนเครียดอยู่เสมอ) ไม่ใช่คนที่หน้าตาดีมากเว่อร์ทำให้ไม่มีแรงดึงดูดมากเท่าใดนัก แต่ถึงพูดจาขวานผ่าซากอยู่บ่อยครั้งก็ไม่ใช่นังชะนี Aggressive ที่ไหน จะได้ไม่เสียความรู้สึกกับสิ่งโง่ๆที่ตัวเองพูดออกไป
           บางครั้งเก็บเอามาคิดจนนอนไม่หลับก็มี

           ก็เหมือนที่บอกไปด้านบนนั่นแหล่ะค่ะ

          เฮ้อ...มันน่าจรรโลงใจจริงๆ

          มาวันนี้ ม้าก็เลยตัดสินใจสร้างบล็อกขึ้นมา มาเริ่มต้นกันใหม่ ดูซิว่าจะยังพอวาดพอขีดเขียนอะไรได้อีกหรือไม่ ม้าน่าจะทำได้สิ มันเป็นสิ่งที่ม้าเคยชอบ อยู่กับมันได้ทั้งวันทั้งคืน เคยมีแรงบันดาลใจ ม้ากำลังมองหาแรงบันดาลใจ ทำอย่างไรถึงจะมีกำลังใจสู้ต่อกัน? อีกอย่าง ม้าเป็นคนที่ขี้ลืมมากด้วย การเขียนบล็อกน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทวนความจำก็ได้

          ถ้าหัวไม่ตันขยันเขียนล่ะก็นะ ถ้าไม่ได้กลับมาอ่านแล้วรู้สึกแย่กว่าเดิมล่ะก็นะ

          เอาเป็นว่าที่เล่ามานี่ เป็นเหตุผลที่ทำให้ม้ามาหาอะไรทำโดยการพิมพ์อะไรแบบนี้นะคะ สู้ๆ มันยาก แต่ม้าจะพยายามก้าวไปข้างหน้า ไม่หยุดแวะพักทำอะไรที่ทำให้ตัวเองเหม่อลอย จะได้ไม่ต้องหยุดเพื่อคิดเรื่องราวอะไรให้มันมากมาย

          แต่ม้าเข้าใจว่า ถ้าเรามุ่งไปผิดจุด ความคิดก็จะดักเราได้เหมือนใยแมงมุม
แล้วมันจะลากเราให้จมอยู่กับทะเลความเครียดของตัวเองไปตลอด

          ขี้แพ้มาตลอด ครั้งนี้มันจะไม่พลาดเหรอว้า...

          โถ่ ว่าจะเริ่มต้นใหม่ สุดท้ายวนมาคิดลบอีก (ฮา) คิดบวก คิดบวก คิดบวก สิฟะ! ท่องกับตัวเองเข้าไว้

          ชีวิตของม้าไม่ได้น่าตื่นเต้นเร้าใจอะไร แต่จะพยายามตื่นเต้นไปกับมัน ประสบการณ์การเขียนของม้ายังมีอยู่ไม่มาก มิหนำซ้ำยังต้องงัดเอาคำในหัวมาปัดฝุ่นใหม่เกือบทั้งหมด ดังนั้นคำพูดบางคำอาจดูไม่สละสลวยน่าอ่านหรือสื่อสารให้เข้าใจได้ง่าย แถมบางทียังใช้ผิดอีกต่างหาก ตอนนี้ก็กำลังสะสมคลังคำศัพท์ด้วยการขวนขวายหานิยายมาอ่านเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อาจจะไม่เห็นผลทันตาเห็น ต้องขออภัยและขอบคุณทุกท่านที่(หลง) เข้ามาอ่านบล็อกนี้จริงๆนะคะ

          ม้าใช้ความพยายามอย่างแสนสาหัสกว่าจะเรียบเรียงถ้อยคำเขียนลงบล็อกนี้ได้ มันทั้งกินเวลาและไม่แน่ใจว่าจะทำอะไร และทำไปเพื่ออะไร แต่ก็นะ 'หาอะไรทำ อย่าอยู่นิ่ง เดี๋ยวคิดมาก' อย่างน้อยม้าก็ได้ลองพยายามในสิ่งเล็กๆที่ม้าคิดว่าพอจะทำให้ม้ารู้สึกดีขึ้นมาได้บ้างแล้วนี่นา เหมือนได้มาบ่นให้ใครฟังบ้างไรบ้าง อิอิ

          บล็อกของม้าอาจจะไม่ได้มีแนวทางที่เฉพาะเจาะจงสักเท่าไหร่ เหมือนรวมเรื่องสัพเพเหระเกี่ยวกับตัวม้าและสิ่งรอบข้างเสียมากกว่า เป็นแบบไดอารี่-ไลค์ รวมเรื่องหดหู่ที่ม้าเรียบเรียงขึ้นจากจิตใจที่กำลังต้องการการเยียวยา ม้าจะอัพบล็อกไปเรื่อยๆ ม้าอยากจะทำความรู้จักกับคนอื่นบ้าง บล็อกของม้าถึงเป็นคนแปลกหน้า ไม่ล็อกอิน ก็สามารถที่จะมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ หวังว่าจะมีคนแวะมาทักทายกันบ้างนะคะ T-T
          บล็อกนี้ไม่มีค่าโฆษณาแต่ถูกทำด้วยความมุ่งมั่น บางอย่างอาจจะใช้อารมณ์มากเกินเหตุ ควรใช้วิจารณญานในการอ่านนะคะ

          ฮึบบบบ!

          สุดท้ายนี้เราจะมาเขียนไปด้วยกันใช่ไหมคะ? ม้าขอแค่กำลังใจสักเล็กน้อยที่จะก้าวต่อไป ขอเพียงความหวังเล็กๆ สักนิดหนึ่งจะได้หรือไม่? ม้าไม่ได้จะมาเรียกร้องความสนใจ แต่อยากเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียง ที่ได้บอกเล่าเรื่องราวว่ารู้สึกอย่างไรกับการที่ต้องตกอยู่ในเขาวงกตแห่งความคิด สิ่งที่ม้าพิมพ์ พิมพ์ออกมาจากใจแท้ และไม่ได้มีจุดประสงค์ในการจะก่อดราม่าใดๆทั้งสิ้น เพราะสิ่งที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ ม้าคิดว่าเป็นความพยายามที่ตนทำได้ดีที่สุดแล้ว
          และที่สำคัญ...
          โพสต์แรกก็เขียนได้ตั้งยาวเลยนี่นา...
        
          ปอปลาลอลิงจุด ที่บอกกันแต่ต้องบอกชี้แจงเรื่องนี้เพื่อให้ผู้อ่านได้พอที่จะเข้าใจคอนเซ็ปต์แนวทางในการเขียนของม้า ม้าแทบจะไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครฟังเลยนอกจากคนที่ม้ารู้สึกว่าเขาจะไม่ทำตัวกับเราแปลกไปหลังจากที่ได้รับฟังเรื่องราวของม้า ดังนั้นขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกันอีกครั้ง ที่รับฟังเรื่องราวจากผู้หญิงคนนี้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่ปิดทิ้งไปเสียก่อน...
          มันมีความหมายกับม้ามากๆเลยค่ะ

Comments

  1. The 7 best casinos in Las Vegas, Nevada - Dr.MCD
    From slot machines to live 대전광역 출장마사지 dealer games, The 7 best casinos in Las Vegas, 서산 출장안마 Nevada. 세종특별자치 출장샵 Get the inside scoop 군산 출장샵 on all the casinos near you from 고양 출장샵 the most popular

    ReplyDelete

Post a Comment

Popular posts from this blog

อารมณ์ค้างหลังอ่าน #1 Miss Peregrine's Home for Peculiar Children Series / The Movie

หาวถู #1 สั่งหนังสือจาก Book Depository + รีวิวสภาพหนังสือ

อารมณ์ค้างหลังอ่าน #2 นากพัทธ์ นิยายไทยเล่มแรกที่ม้าอ่าน