อารมณ์ค้างหลังอ่าน #1 Miss Peregrine's Home for Peculiar Children Series / The Movie
หมายเเหตุ: มีสปอยล์เนื้อหาของหนังสือและหนังนะจ๊ะ คลุมดำแล้วจะอ่านได้
หนังสือเรื่องนี้ทำให้ม้าอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเพื่อจะได้อ่านเรื่องนี้ในมุมมองหนึ่ง ความประทับใจแรกที่มีเกี่ยวกับหนังสือชุดนี้คือภาพถ่ายวินเทจภายในเล่ม ที่สอดแทรกระหว่างเนื้อหาให้ผู้อ่านได้นึกภาพตามและคอยลุ้นว่าจะเปิดเจอรูปอะไรในหน้าถัดไป ปกติม้าชอบอะไรแนววินเทจอยู่แล้ว พอเจออะไรที่เกี่ยวข้องกับบรรยากาศเก่า ๆ อะหื้ยยยย ของมันต้องอ่านข่ะขุ่นผู้ชมมมมม
น่าเสียดายตอนที่ซื้อเล่มไทยม้ายังไม่คลั่งเท่าตอนนี้ บ็อกซ์เซ็ตที่ซื้อมาเลยมีแต่ของภาษาอังกฤษ ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ แอบผิดหวังเล็กน้อยเพราะในฉบับภาษาอังกฤษนั้นไม่ได้พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา ความขลังเลยหมองลงไปหน่อย กระดาษของสำนักพิมพ์แพรวเยาวชนให้ความรู้สึกเก่าได้มากกว่า อ่านแล้วได้ฟีล ส่วนในด้านตัวเล่ม ถ้าเทียบกันจริง ๆ แล้วขนาดของหนังสือต่างกันไม่มาก หน้าปกเหมือนกัน แต่ละหน้าที่พิมพ์ก็มาจากของเดิมไม่ต่างกันเท่าไหร่ นอกจากจำนวนตัวอักษรที่สั้นยาวไปตามภาษาที่ใช้ เล่มไทยจะมีความกว้างและความหนามากกว่าเล็กน้อย ความใหญ่ของเล่มทั้งสองอยู่ที่ประมาณ Samsung Tab S3
การเล่าใช้มุมมองเดิมตลอดทั้งสามเล่มก็คือ บุรุษที่หนึ่ง จากปากของ "เจคอบ พอร์ตแมน" ซึ่งสามารถเรียกได้เต็มปากว่าเป็นพระเอกของเรื่อง (เพราะมีนางเอก) เนื้อเรื่องไม่ได้มีความพิศดารใด ๆ เล่าเข้าใจง่ายตามฉบับวรรณกรรมเยาวชน แต่เนื้อเรื่องก็ไม่ได้ลงล็อกไปตามความคิดของผู้อ่านเสียหมด การกระทำกับคำพูดในบางครั้งของเจคอบบางทีก็ดูเกินวัย เทียบกับในหนังคือดูมีความเป็นเด็กมีปัญหาน้อยกว่า อ่านแล้วให้อารมณ์เด็กบ้านแตกที่พยายามหนีออกจากบ้านตามหนังฝรั่งทั่วไปแต่มีความดูแลตัวเองได้เหมือนกับเป็นผู้ใหญ่เเล้วอย่างไรอย่างนั้น บทบาทเเละฐานะของเจคอบดูสะดุดตาและรวยจนดูแปลกแยกไปเล็กน้อย ถึงแม้จะเขียนให้ชีวิตพังพินาศเละเทะไม่เหลือความน่าอยู่ของโลกความเป็นจริงแล้วก็ตาม ตัวละครในหนังดูมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าภาพที่บรรยายเอาไว้ในหนังสือ พระเอกที่ไม่มีใครคบ แต่มีคนที่ร้านดูแล ดูเข้ามากกว่า พระเอกกับพลังมิตรภาพอันว่างเปล่าของเด็กพังค์ที่ขับรถมาส่งให้เจอปู่ที่นอนใกล้ตายอยู่ในป่า
พวกปีศาจร้ายดูเหมือนจะมีที่มาไม่แตกต่างจากเดิมนัก แต่ในหนังสือไม่ได้ควักลูกตากินเหมือนในหนัง แถมยังไม่ได้มีรูปร่างเป็นสเลนเดอร์แมนอย่างที่เข้าใจ (อสุรกายในหนังสือที่เขียนถูกถ่ายทอดให้มีลักษณะมีลูกตาดำสนิท) ทำให้ภาพในจินตนาการไม่สยดสยองเลือดสาดอลังการจนเกินไป จุดนี้ส่วนตัวชอบไอเดียในหนังมากกว่า มันดูโหดร้ายและมีที่มาที่ไปสมเหตุสมผลดี (สงสัยจังว่าตัวเองซาดิสม์หรือเปล่า)
ในหนังสือคำบางคำถูกแปลออกมา เช่น เอมบรีนถูกเรียกในเล่มภาษาไทยว่า "กาลวิญญู" และพอแปลงร่างเป็นนกก็จะโป๊เปลือยชวนนึกภาพตาม (?)
บ่นมาทั้งหมดก็อย่างที่เห็นว่าจะลำเอียงไปให้ในส่วนของหนังมากกว่าหนังสือ นั่นก็เพราะว่าม้าดูหนังก่อนอ่านค่ะ แบบนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรีวิวอย่างไรเพื่อจะได้ไม่อวยฝั่งใดฝั่งหนึ่งจนเกินไป ในหนัง ตัวละครที่ม้าชอบที่สุดในเรื่องคือ อีน็อค มันสื่อความยูนีคของลุงทิมแกได้ดีจริง ๆ จากตุ๊กตาดินปั้นมาเป็นตุ๊กตาซากศพ มีความน่ารักปนสยองไปในเวลาเดียวกัน ชอบที่คนเขียนบทปรับอายุของตัวละครให้อยู่ในวัยเดียวกับพระเอกแล้วหึงเอมม่า มันดูมีที่มาที่ไปแถมยังทำให้คนดูแอบส่งใจเชียร์ตัวละครได้สนุก เขียนฟิคต่อยอด--วาดรูปแฟนอาร์ตเพลินกันไปข้างหนึ่งเลย บทสลับพลังของโอลีฟกับเอ็มม่า สาวน้อยที่ร้อนแรงดั่งไฟมันดูธรรมดา เด็กผู้หญิงลอยได้ดูมีอะไรให้น่าค้นหามากกว่า พอใจกับตัวละครในหนังทุกตัว
ถ้าให้แคสตัวละครจากการอ่านหนังสือ ม้าอยากเลือก Freddie Highmore ที่เคยเล่นเรื่องชาลีกับโรงงานช็อกโกแลตมาเป็นเบ้าหน้าให้เจคอบมากมาย ถึงสำเนียงจะไม่มีความเป็นอเมริกันสไตล์เลยก็ตามเถอะ แต่จะว่าไปตอนนี้อายุของเขาก็เกินวัยทีนมามากแล้วนี่หน่า ไม่เป็นไรเราจะนึกหน้าคุณในวันวานเพื่อความเข้ากันของตัวละคร ฮือออออ
เนื้อเรื่องในหนังนั้นนับว่าดำเนินตามท้องเรื่องหนังสือเล่มหนึ่งอยู่พอสมควร แต่เนื้อหาของหนังจะคอมพลีทและพลิกแพลงกว่าในหนังสือ เพราะจัดหนักจัดเต็มไปในคราวเดียว ทุกคนได้ใช้ความสามารถที่มีอย่างสวยงาม ทุกอย่างจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง ไม่น่ามีภาคต่อออกมาให้เห็น กลับกันในส่วนของหนังสือจบลงทิ้งท้ายให้คนอ่านรอคอยเล่มสองกันต่อไปเพราะเล่มแรกเป็นเพียงแค่ "ปฐมบท" แห่งการผจญภัยของเด็ก ๆ บ้านเพเรกรินเท่านั้น
เริ่มแรกที่อ่าน ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีซีนโรแมนติกสักเท่าไหร่เพราะเท่าที่อ่านวรรณกรรมเยาวชนที่เป็นแนวแฟนตาซีมานี่ฉากแบบนี้จะมีอยู่น้อย แต่ปรากฏว่าพออ่านไปเรื่อยๆ กลับพบว่า ฉากจูบเยอะมากกกกกกก ในหนังนี่ลุ้นแทบตายกว่าจะได้จูจุ๊บกันที จะว่าฟินหรือเปล่าก็ไม่ฟินนะ แค่รู้สึกว่านี่มันจูบกันอีกแล้วเรอะ แถมดูชอบพอกันง่ายมาก บทป้อสาวนี่เล่นซะหวานหยาดเยิ้มเลย ม้า
รู้สึกอายเลยที่เขียนนิยายมีฉากจูบไม่ได้สักกะบท ไม่มีจินตนาการความโรแมนติกเลยสักนิด มีแต่ความหื่นล้วน ๆ (?)
จากเล่มสองถึงเล่มจบก็ไม่มีอะไรให้นั่งคิดเปรียบเทียบกับหนังอีกแล้ว คุณริกส์เขียนฉากผจญภัยของเด็ก ๆ ออกมาได้สนุก ชอบฉากที่ฮิวจ์เอาแมลงฝูงใหญ่มารุมพวกอสูรกับแนวคิดเรื่องยาหยอดตาพลังมหัศจรรย์ ฉากเจคอบพยายามจับอสุรกาย แลดูอลังการ และเท่มาก ถึงแม้ว่านั่นจะทำให้บทของตัวละครไม่เท่าเทียมกันสักเท่าไหร่ (เล่มสามเน้นพลังของเจคอบเป็นหลัก ไม่มีรวมพลังสร้างแผนการแบบในหนัง) ตัวละครใหม่ก็เข้ามาในตอนท้าย แถมตอนจบไม่รู้ว่าฟิโอน่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรด้วย เหมือนตัวละครบางตัวโดนตัดไปดื้อ ๆ โดยไม่มีอะไรมาขยายความ หวังว่าในเล่ม A Map of Days ที่กำลังจะออกมาต้นเดือนตุลาคมนี้จะอธิบายเรื่องที่สงสัยให้หายคาใจได้นะ รอฟังการผจญภัยในเมืองใหญ่ของมิสเพเรกรินและเด็ก ๆ เสมอออออค่า
คะแนนหนังสือทั้งสามเล่ม 7/10
คะแนนหนัง 9/10 (คะแนนมากเป็นพิเศษ)
...
หนังสือชุด Miss Peregrine's Home for Peculiar Children เขียนโดย แรนซัม ริกส์ สามารถหาซื้อได้ในราคา 430.46, 479.60 และ 423 บาท บ็อกซ์เซ็ต ราคากล่องละ 1,157.10 บาท ในเว็บ Book Depository
หนังสือชุดบ้านหลอน เด็กประหลาด แปลโดย คุณวิกันดา จันทร์ทองสุข ราคาเล่มละ 269, 289 และ 395 บาท ตามลำดับ บ็อกซ์เซ็ตราคา 953 บาท ราคาลดสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายหนังสือชั้นนำทั่วไป
สุดท้ายนี้ ม้าดีใจที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ เป็นการผสมผสานสิ่งที่ม้าชอบเข้ากันอย่างลงตัวมาก ๆ เลยค่ะ หากใครมีนิยายเรื่องใดคล้ายเรื่องนี้อีก จะแนะนำหรือสามารถมาพูดคุยกันได้ด้านล่างนี้เลยนะคะ สำหรับผู้ที่เข้ามาอ่านบล็อกนี้เป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะโพสต์เก่าหรือโพสต์เก่าม้าก็ตอบกลับหมดค่ะ สำหรับวันนี้ สวัสดีค่า >/\<
สนใจจะซื้อเซตนิยายมาอ่านเหมือนกันค่าา แต่ยังติดตากับภาพในหนังอยู่เลย เลยลังเลว่าจะอ่านดีไม่อ่านดี 5555555
ReplyDeleteตอนนี้ซื้อมาอ่านแล้วหรือยังคะ จนขึ้นปีใหม่แล้วม้ายังไม่ได้ซื้อเล่มที่ออกล่าสุดมาอ่านเลย ถถถ
Delete